Hightlight
- บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ประเมินแนวโน้มการลงทุนเดือนเมษายนนี้ยังมีความผันผวน
- วันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ อาจส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเบาบาง หรือชะลอการลงทุนบ้างเล็กน้อย แต่ในทางกลับกันยังมีปัจจัยบวกหนุน ที่อาจจะมีการเข้ามาเก็งกำไร
- ยังให้น้ำหนักประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนหลังประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ประเมินแนวโน้มการลงทุน ในช่วงเดือนเมษายนนี้ว่า ทิศทางการลงทุนตลาดหุ้นไทย ยังมีความผันผวน ต้องยอมรับว่ามูลค่าการซื้อขายในเดือนนี้ อาจเบาบางและมีโอกาสชะลอลงทุน เพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากช่วงวันหยุดยาวกลางเมษายน อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยบวกที่ยังคงน่าจับตาเช่นเดียวกัน เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส1/2562 ซึ่งคาดว่าภาพรวมจะออกมาในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับทิศทางราคาน้ำมัน ยังได้รับปัจจัยหนุนจากแผนลดการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน และเวเนซูเอลา ทำให้ภาวะตลาดน้ำมันตึงตัว ทำให้ส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน
นอกจากนี้ยังให้น้ำหนักประเด็นกรณีการทางการเมือง โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนหลังประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ภายในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ดังนั้นมองว่าหากมีความชัดเจนในกรณีดังกล่าว จะส่งผลเชิงบวกต่อ Sentiment ตลาดทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากมีเสถียรภาพทางการเมือง ในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ส่งผลให้ Fund Flow มีโอกาสไหลกลับอย่างชัดเจนอีกครั้ง
“หลังเดือนมีนาคม SET เคลื่อนไหว Sideway ระหว่าง 1,615 – 1,646 จุด และได้ทำ Double Bottom เมื่อดัชนีหลุด 1,620 จุด ถึง 2 ครั้ง และสามารถดีดกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นที่บริเวณ 1,615 จุด จะมีนัยสำคัญมาก เพราะหากหลุดไปจะเป็นสัญญาณขายที่มี Target ถัดไปที่ 1,580 จุด เป็นอย่างน้อย แต่หาก Break 1,646 จุด จะมีแนวต้าน Double Top ถัดไปที่ 1,680 จุด ซึ่งเป็นจุดที่มีนัยสำคัญมากเช่นกัน เพราะหาก Break ได้จะเป็นสัญญาณซื้อขนาดใหญ่ที่มี Target ถึง 1,750 จุดเป็นอย่างน้อย”
กลยุทธ์ลงทุน
- กลุ่มโรงไฟฟ้า แนะนำ BGRIM
- กลุ่มโรงพยาบาล แนะนำ BCH เนื่องจากมองว่าหุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตสม่ำเสมอ แม้เศรษฐกิจมีความผันผวน
- กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆ ที่ทยอยเปิดประมูล พร้อมคาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากแผนการลงทุนต่อเนื่องใน 2H/62 ของรัฐบาลชุดใหม่ เช่น STEC เป็นต้น
- กลุ่มพลังงาน แนะนำ PTTEP โดยคาดว่ายังได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการ 1Q/62 มีแนวโน้มดีขึ้น qoq คาดไม่มี Stock loss เช่นเดียวกับ 4Q/61 หลังราคาน้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
- กลุ่มที่มีความน่าสนใจทั้งจากผลประกอบการที่มีแนวโน้มกลับมาเติบโต เช่น CBG
- หุ้นที่มีการจ่ายปันผลเป็นประจำ เช่น ADVANC (Div.Yield ประมาณ 4.0%) และ TSR (Div.Yieldประมาณ 8.0%) เป็นต้น
อย่างไรก็ตามทางฝ่ายวิจัย ยังแนะนำให้นักลงทุนจับตาปัจจัยต่างประเทศ ที่คาดว่าจะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวแปรด้านการลงทุน โดยเฉพาะความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจ ทั้งจากตัวเลขเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศ และติดตาม Inverted yield curve ที่เป็น 1 สัญญาณแสดงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอีก 12 หรือ 24 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ในประเด็นข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และ ประเด็น Brexit อาจมีความไม่แน่นอน ขณะที่การประชุมเฟด ที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน - 1 พฤษภาคมนี้ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นไปตามการส่งสัญญาณก่อนหน้าชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้